นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ The Bottoms Blue ได้เดินทางมายังศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พร้อมกับนางอรวรรณ แก้ววิบูลย์พันธุ์ มารดา และ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะ จำเลยในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้เดินทางมาศาล
หลังศาลนัดสอบคำให้การใน คดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.1199/64 ที่ พนักงานอัยการคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง
รวมไปถึงการ ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83, 91, 112, 217 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6 ) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พ.ร.บ.การกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14
น.ส.ศศินันท์ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันนัดรายงานตัวหลังได้รับการประกันตัว และครบรอบการฝากขังไปเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ซึ่งอัยการได้ยื่นฟ้องแอมมี่เข้ามาในข้อหาที่ปรากฏตามข่าว โดยขั้นตอนเบื้องต้นคือการนำตัวแอมมี่ไปห้องเวรชี้เพื่อฟังการอ่านคำฟ้อง เนื่องจากทนายและจำเลยยังไม่ได้เห็นคำฟ้องว่ามีเนื้อหาอย่างไรบ้าง แต่ตามหลักหลังจากมีการอ่านคำฟ้อง ศาลจะสอบถามจำเลยว่าจะให้การอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้
ขณะที่ นายไชยอมร เปิดเผยว่า หลังจากได้รับประกันตัวรู้สึกมีความสุขเพียงครึ่งเดียว เพราะนักโทษคดีทางการเมืองคนอื่นๆ ยังคงถูกคุมขังอยู่ เช่น นายอานนท์ นําภา หรือ ทนายอานนท์, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ รวมถึงคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่สื่อ
ส่วนกรณีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำนั้น นายไชยอมร เผยว่า สิ่งที่กำลังต่อสู้ไม่ใช่การต่อสู้กับระบบราชทัณฑ์ แต่เป็นเรื่องของปัญหาเชิงโครงสร้าง จะมองว่ากรมราชทัณฑ์เป็นแพะในเรื่องนี้อย่างเดียวไม่ได้ เนื่องจากคลัสเตอร์เรือนจำเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ทั้งที่ประเทศมีปัญหาเรื่องวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขเป็นกระทรวงหลักในการดูแลสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิดแต่การจัดงบประมาณใน ปี 65 รัฐบาลกลับไม่ให้ความสำคัญกับกระทรวงนี้เท่าที่ควร ทั้งยังมีการจัดตั้งศบค.ขึ้นมา ประกอบด้วยฝ่ายความมั่นคงที่เป็นทหารมาควบคุมซึ่งไม่มีความรู้ด้านระบาดวิทยา การดำเนินการของศบค.เป็นที่ประจักษ์อย่างยิ่งถึงความล้มเหลว โดยเฉพาะเรื่องการกระจายวัคซีน
กระทรวงกลาโหมได้งบประมาณในปีงบประมาณ 64 คิดเป็นร้อยละ 6.5 และในปี 65 ได้งบประมาณคิดเป็นร้อยละ 6.6 ในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญปัญหาโควิด กองทัพได้นำเงินไปจัดซื้อยุทโธปกรณ์ 3 เหล่าทัพ เป็นเงินจำนวนมากกว่า 8,274 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมงบผูกพันข้ามปีที่เกิดระหว่างปี 65-68 จำนวน 88,969 ล้าน เป็นของกองทัพเรือ 37,849 ล้านบาท ในการจัดซื้อเรือดำน้ำแบบจีทูจีกับรัฐบาลจีน
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า 4. การกระจายงบประมาณไม่เป็นธรรมและเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง เห็นได้ชัดจากการกระจายวัคซีนแบบไร้ยุทธศาสตร์ การประกาศว่าการฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติเป็นวาทกรรมที่สวยหรู พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยบอกรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร การกระจายวัคซีนในจังหวัดพื้นที่สีแดงน้อยกว่าจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีขาวและพื้นที่สีเขียว
‘ประยุทธ์’ ขอ ปชช. อย่ากังวล หลังมีข่าวพบ โควิดสายพันธุ์ไทย
ประยุทธ์ ออกมาขอให้ประชาชนอย่ากังวล หลัง สธ.อังกฤษ เผยพบ โควิดสายพันธุ์ไทย ในประเทศ ตั้งเป้าฉีดวัคซีนประชาชนให้ได้ก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ตอบข้อสักถามเกี่ยวกับกรณีการตรวจพบโควิดสายพันธุ์ไทยที่ประเทศอังกฤษและมีผู้ติดเชื้อแล้ว 109 ราย โดยนายกฯกล่าวว่า มันก็มีทุกสายพันธุ์นั่นแหละ ถ้ามันจะเกิด อย่าไปกังวลให้มากนักเลย วันนี้ขอให้ฉีดวัคซีนกันให้ได้เสียก่อน ซึ่งถ้าเป็นก็รักษาได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขอให้ดูแลตัวเอง ป้องกันตัวเอง ถ้าไม่ดูแลตัวเอง ถ้าไม่ช่วยกันทำอะไรก็ไม่สำเร็จ อย่าไปจับผิดเล็กน้อย ถ้าถามมา ก็ตอบไปว่ารักษาได้ วัคซีนที่มีอยู่ก็ป้องกันได้
ขณะที่ทางการอังกฤษยืนยันว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่าเชื้อไวรัสชนิดนี้อันตรายกว่าโควิดสายพันธุ์อื่นๆ พร้อมเชื่อว่าวัคซีนต้านโควิดสามารถใช้กับ โควิดสายพันธุ์ไทย ได้ ขณะนี้กำลังศึกษาพฤติกรรมของเชื้อไวรัสภายในห้องทดลองอยู่
แม้กระทั่งส.ส.ฝ่ายรัฐบาลยังออกมาตำหนิการทำงานของรัฐบาลว่าการกระจายวัคซีนไม่เป็นธรรม มีการเล่นพรรคเล่นพวกกลายเป็นศึกชิงวัคซีนที่จัดสรรไม่หลากหลาย ไม่รวดเร็ว ไม่ทั่วถึงและไม่ทันการณ์ ตนจะคอยดูว่าวันที่ 7 มิ.ย. การฉีดวัคซีนแอสตราเซเนก้าแบบปูพรมจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ วันนี้ยังไม่มีใครกล้าบอกว่าจะได้วัคซีนวันไหน และหากวัคซีนไม่มา พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะ ผอ.ศบค.ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก
และ 5.การจัดสรรงบประมาณที่ไม่ให้ความสำคัญกับท้องถิ่น จากผลกระทบของโควิดส่งผลให้ท้องถิ่นแต่ละแห่งมีรายได้ลดลง ซึ่งเกิดจากกรมการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นขยายเวลาการจัดเก็บภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และลดอัตราการจัดเก็บลดถึง 90% ส่งผลกระทบต่อรายได้ส่วนท้องถิ่น แต่รัฐบาลกลับตัดลดงบประมาณท้องถิ่นลง 73,261 ล้านบาท ลดเงินอุดหนุนให้องค์กรท้องถิ่นลงอีก 15,988 ล้านบาท หากวันนี้รัฐบาลกล้าให้อำนาจท้องถิ่นในการดูแลสุขภาพของประชาชน
แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร