เตรียมแจ้งข้อหาค้ามนุษย์ แม่ปุ๊ก เพิ่ม หลังพบได้ผลประโยชน์จากบัญชีรับบริจาคกว่า 20 ล้านบาท

เตรียมแจ้งข้อหาค้ามนุษย์ แม่ปุ๊ก เพิ่ม หลังพบได้ผลประโยชน์จากบัญชีรับบริจาคกว่า 20 ล้านบาท

แม่ปุ๊ก-จากกรณีที่กองปราบฯ จับกุม น.ส.นิษฐา หรือปุ๊ก วงวาล อายุ 29 ปี หลังรับ ด.ช.วัย 3 ขวบมาดูแลและอ้างว่าป่วยเป็นโรคประหลาด ต่อมาจึงโพสต์ขายของ และประกาศขอรับเงินบริจาค เพื่อนำไปรักษาเด็ก จนได้เงินไปมากกว่า 10 ล้านบาท ทางแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติรับตัวเด็กไปรักษา และพบสารเคมีส่วนผสมน้ำยาล้างห้องน้ำในตัวเด็ก

นอกจากนี้ยังพบว่าแม่ปุ๊กเคยเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 4 ครั้ง 

และยังเคยรับเด็กหญิง อมยิ้ม อายุ 4 ขวบมาดูแลแต่ป่วยด้วยอาการประหลาดคล้ายกัน จนเสียชีวิตเมื่อเดือน ธ.ค.62 ต่อมาเจ้าตัวรับสารภาพเรื่องฉ้อโกง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนทำให้เด็กทั้ง 2 ตาย และบอกว่าเด็กที่ป่วยเป็นลูกแท้ๆ ทางกองปราบฯ จึงเร่งสอบสวน และเร่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผลดีเอ็นเอ

ต่อมาได้แจ้งข้อหาแม่ปุ๊ก 5 ข้อหา ได้แก่ รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และฉ้อโกงประชาชน

วันนี้ (25 พ.ค.) ตำรวจกองปราบปรามเรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวน คดีแม่ปุ๊ก โดยนำเอาหลักฐานทั้งหมด มาสรุปแนวทางการทำงาน และได้พิจารณาเพื่ออาจเตรียมแจ้งข้อหา ค้ามนุษย์กับแม่ปุ๊ก หลังมีหลักฐานว่า แม่ปุ๊กได้หลอกลวงให้ประชาชน สั่งซื้อสินค้าต่างๆ ผ่านเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่าต้องการนำเงินไปรักษาน้องอมยิ้ม อายุ 4 ขวบ ที่ป่วยเป็นโรคประหลาดและเสียชีวิตเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2562 และน้องอิ่มบุญอายุ 2 ขวบ ที่ป่วยเป็นโรคเดียวกัน

จากการตรวจสอบบัญชีที่แม่ปุ๊กใช้รับโอนเงิน เป็นบัญชีที่ได้เอกสารมาจากหญิงชื่อเอม หรือ แม่เอม แม่ที่แท้จริงของน้องอมยิ้ม โดยแม่ปุ๊กอ้างว่าจะนำเอกสารไปทำประกันให้กับน้องอมยิ้ม ทำให้แม่เอม ยินยอมให้เอกสารกับผู้ต้องหา และมีการนำไปเปิดบัญชีย่อยเพิ่มอีก 4 บัญชี มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 20 ล้านบาท และแม่ปุ๊กได้ประโยชน์จากเงินบริจาคจำนวนนี้ ทำให้เข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์

พันตำรวจเอกปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม ระบุว่า รายละเอียดของคดียังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องรอผลตรวจวิทยาศาสตร์จากพยานหลักฐานที่ส่งไปตรวจหลายตัวอย่าง คาดว่าจะใช้เวลาซักระยะ ส่วนกรณีพ่อแม่ของแม่ปุ๊ก ที่สังคมมองว่าอาจเกี่ยวข้อง ตำรวจต้องยึดตามพยานหลักฐาน สำหรับแม่เอมที่หายตัวไปจากบ้านพักที่จังหวัดนครสวรรค์ ขณะนี้ตำรวจสามารถติดต่อได้ แต่เชื่อว่าคงจะเก็บตัวหลังถูกสังคมตั้งคำถามว่า รู้เห็นกับการรับบริจาคเงินของแม่ปุ๊กหรือไม่

ย้าย 3 ตำรวจจับพ่อค้าหอยแครง ปมแลก 5 ล้านไม่เดินคดี หากผิดจริงโทษหนัก

จับพ่อค้าหอยแครง – เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ขณะที่ นายอรุชา บินมูซา อายุ 46 ปี ชาว ต.ท่าทองใหม่ ที่กำลังรับซื้อลูกหอยแครงจากชาวประมงพื้นบ้าน ใกล้ปากแม่น้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี ปรากฎว่ามีกลุ่มชาย 3 คนอ้างตัวเป็นตำรวจ เข้าจับกุมโดยใช้อาวุธปีน ยึด หอยแครงหนัก 700 กิโลกรม คิดเป็นเงิน 5 แสนบาท

แม้ว่านายอนุชาจะบอกว่าได้รับอนุญาตให้ จับลูกหอยแครงได้โดยวิธีธรรมชาติ แต่ตำรวจไม่ยอม เรียกเงิน 5 ล้าน เพื่อแลกกับไม่จับกุมดำนเนินคดี จนอดีตกำนันต้องเข้ามาช่วยเจรจาถึงถูกปล่อยตัวไป

แต่ปราฏว่าเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ตำรวจชุดดังกล่าวได้กลับมาจับกุมนายอนุชาซ้ำอีก จนชาวบ้านหมู่ 4 ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ กว่า 200 คน ได้ล้อมรถยนต์คันที่นำตัวอนุชาขึ้นไปไว้ได้

รถเกิดเหตุเป็นรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน กจ 792 สุราษฎร์ธานี ปรากฎว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง สังกัดกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 8 โดยชาวบ้านเรียกร้องให้ย้ายตำรวจชุดดังกล่าวออกจากพื้นที่

ล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. รายงานว่า พล.ต.ท.จิรวัฒน์ ทิพยจันทร์ ผบช.ภ.8 จะมีคำสั่งให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 นาย มาปฏิบัติหน้าที่ยัง ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ศปก.ภ.8) พร้อมมีคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น หากพบว่าเรียกรับเงินเพื่อไม่ดําเนินคดีตามที่ปรากฏเป็นข่าวจริง ให้ดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด ไม่เอาไว้เป็นเยี่ยงอย่าง เพราะเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

จากกรณีช่วงสายของวันที่ 18 พ.ค. 2563 เกิดเหตุโจร 2 คนก่อเหตุชิงทรัพย์หน้าธนาคารกรุงเทพ เชียงแสน จ.เชียงราย โดยคนร้ายได้เงินไปกว่า 1,050,000 บาท จากหญิงสาวที่เพิ่งถอนเงินออกมาจากธนาคารนั้น

ต่อตำรวจได้ของศาลออกหมายจับคนร้าย จนกระทั่งจับกุมผู้ต้องหามาได้ 1ราย คือนายสิทธิโชค เมืองมา พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ และเงินชิงทรัพย์มาจำนวนหนึ่ง เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (21 พ.ค. 63) Policenews รายงานว่า โจรปล้นเงินหน้าธนาคารกรุงเทพ เชียงแสน ที่กำลังตามตัวอยู่อีก 1 ราย คือ นายชื่นใจ๋ ก้อนคำ นั้น ได้พบเป็นศพผูกคอตายอยู่ภายในป่า จ.พะเยา

เบื้องต้น ตำรวจะดำเนินการพิสูจน์การตายอย่างละเอียดอีกครั้ง

แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร